MusicPlaylistView Profile
Create a playlist at MixPod.com
ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Bookmark and Share

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นายกฯให้ก.วิทย์ฯทดสอบ เตือนระวัง"BEDD1"ซ้ำรอย



วันที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 07:02:14 น. มติชนออนไลน์

รมต.แหยงไม่กล้าเป็นเจ้าภาพพิสูจน์"จีที200" นายกฯให้ก.วิทย์ฯทดสอบ เตือนระวัง"BEDD1"ซ้ำรอย

ครม.ปิด ห้องซักผู้แทน"ทบ." ละเอียดยิบ เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดรุ่นจีที 200 "พีระพันธุ์-บุญจง" ตีปี๊ปดีจริงมีแต่คำขอจัดซื้อเพิ่ม นายกฯ ถามใครอยากผ่าพิสูจน์ ทั้งครม.เงียบไม่กล้าเป็นเจ้าภาพ ด้านนักวิชาการรุมสวดเครื่องไร้น้ำยา ชี้ รบ.ถูกหลอก เตือนระวังรุ่นใหม่ "BEDD1" กำลังนำเข้ามา

ครม.ปิดห้องซักผู้แทน"ทบ."ยิบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเครื่องตรวจจับ วัตถุระเบิดรุ่นจีที 200 จากทุกหน่วยงานที่มีอุปกรณ์ดังกล่าว ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเริ่มต้นขึ้น มีการเชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพาวุธทหารบก กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก รองเสนาธิการทหารบก ฯลฯ มาร่วมชี้แจงข้อมูลและตอบข้อซักถามของ ครม. กรณีเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดรุ่นจีที 200


จากนั้นบรรดารัฐมนตรีต่างให้ความสนใจซักถามผู้แทน ทบ.ที่ยืนยันเครื่องจีที 200 มีความแม่นยำมากกว่าร้อยละ 80 เคยเกิดความผิดพลาดใช้งานที่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพียง 2 ครั้งคือที่ อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา และที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส


ทำให้ รมว.พลังงานยิงคำถามว่าหากเปรียบเทียบระหว่างสุนัขดมกลิ่นกับเครื่องจีที 200 อันไหนมีประสิทธิภาพมากกว่า ผู้แทน ทบ.ชี้แจงว่าการใช้สุนัขดมกลิ่นมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากมีขั้นตอนในการดูแลสุนัขกว่าจะใช้งานได้ อีกทั้งยังสามารถทำหน้าที่ได้เพียงคราวละ 2 ชั่วโมงและต้องหยุดพัก จึงเหมาะแก่การใช้งานในระยะใกล้ๆ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงนิยมใช้เครื่องจีที 200 สแกนพื้นที่ต้องสงสัยก่อนให้สุนัขเข้าไปดมกลิ่น ซึ่งถือว่าเป็นการทำหน้าที่คนละวัตถุประสงค์


เผยรมต.ไม่กล้าเป็นเจ้าภาพ


ขณะที่รัฐมนตรี 2 คนคือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย อภิปรายสนับสนุนประสิทธิภาพด้านบวกของเครื่องจีที 200 โดยได้รับคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าใช้การได้ดี และมีแต่คำขอให้จัดซื้อเพิ่มเติม อย่างแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็บอกว่าใช้งานได้ดี หากมีปัญหาจริง ก็น่าจะมีข่าวออกมาบ้างเพราะมีลูกค้าอยู่หลายประเทศ


รายงานข่าวแจ้งว่า หลังการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางประมาณ 30 นาที นายอภิสิทธิ์กล่าวสรุปว่า "ควรต้องพิสูจน์ และถามมีใครอยากทำหน้าที่ตรงนี้บ้าง"


แต่ไม่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคนใดแสดงความจำนงขอรับเป็นเจ้าภาพในการผ่า พิสูจน์เครื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์จึงตัดบทว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ถ้าผลออกมาว่าใช้งานได้ก็จะใช้ต่อไป แต่ถ้าผลออกมาว่าใช้ไม่ได้ก็ต้องยกเลิก แต่ในระหว่างนี้ให้ฝ่ายปฏิบัติใช้เครื่องจีที 200 ตามปกติไปก่อน"

"มาร์ค"โยนก.วิทย์ทดสอบจีที200


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมครม.ว่า "ได้ คุยกับคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ โดยตรงว่า จะต้องเชิญนักวิชาการที่ทำงานด้านนี้มาออกแบบการทดลองเพื่อการพิสูจน์ถึง ประสิทธิภาพข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอุปกรณ์เหล่านี้ให้เป็นข้อยุติที่เป็นที่ ยอมรับจากทุกฝ่าย เมื่อมีข้อยุติแล้วรัฐบาลจะได้ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมต่อไป"นายกฯกล่าว และว่าลักษณะการทดสอบต้องเป็นเหมือนกับจำลองสถานการณ์จริง และต้องดูว่าการใช้อุปกรณ์นี้ต่างจากการไม่มีอุปกรณ์แค่ไหน


ผู้สื่อข่าวถามว่ากำหนดระยะเวลาพิสูจน์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าให้ไปทำโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อการทำงานของหน่วยงานที่ใช้อุปกรณ์นี้ สิ่งแรกต้องไปเชิญผู้เกี่ยวข้องมาเพื่อออกแบบการทดลองเพื่อพิสูจน์ที่ทุก ฝ่ายยอมรับ หากไปทดสอบแล้วฝ่ายที่อ้างว่าใช้ไม่ได้หรือการทดลองดังกล่าวใช้ไม่ได้ก็จะ เถียงกันไม่จบอีก ดีที่สุดต้องเชิญนักวิชาการมา ส่วนฝ่ายที่ใช้งานที่ยืนยันว่าใช้ได้ต้องพร้อมพิสูจน์ถ้ามั่นใจว่าใช้ได้มัน ก็ต้องใช้ได้

เมื่อถามว่า ถ้าผลพิสูจน์ว่าใช้ไม่ได้จะยกเลิกใช้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าใช้ไม่ได้ก็ไม่ควรใช้อยู่แล้ว เพราะจะเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย ส่วนจะหาอุปกรณ์อื่นมาทดแทนนั้นก็ต้องไปดูทางเลือกอื่นๆซึ่งอุปกรณ์ที่เป็น ที่ยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพสูงกว่าหรือเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วราคาจะสูง กว่ากันประมาณ10 เท่า ส่วนจะมีทางอื่นนอกจากจะต้องซื้อเทคโนโลยีที่สูงกว่าจีที 200 หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าถ้าจะใช้อุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติหรือมีคุณลักษณะอย่าง นั้นก็คงไม่มี จะมีแต่ว่าจะเลือกไม่ใช้อุปกรณ์ประเภทนี้แล้วก็ต้องใช้วิธีอื่นไป


เมื่อถามว่าปัญหาจีที 200 เป็นภาพสะท้อนการใช้งบประมาณที่รั่วไหลไปกับการทุจริตด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเร็วเกินไปที่จะไปสรุป ที่ไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านยาเสพติดบอกว่าใช้ได้ผล เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ส่วนจะตรวจสอบไปถึงเรื่องราคาที่ซื้อแตกต่างกันแต่ละหน่วยงานหรือไม่นั้น ถ้าเห็นว่ามีการซื้อในราคาที่ไม่ถูกต้องก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว แต่การซื้อเท่าที่ดูจากตัวเลขจะซื้อมาตั้งแต่ประมาณปี 2549 ต่อเนื่องถึงปี 2553 ราคาจะแตกต่างกันเพราะแต่ละหน่วยงานจะใช้ของไม่ตรงกัน

"ที่จัดซื้อมาใช้ทั้งหมดประมาณ 700 กว่าเครื่อง ราคาที่จัดซื้อถ้าเป็นอัลฟ่า-6 ใหม่ ประมาณเครื่องละ 300,000 บาท แต่ที่ซื้อสูงสุดไปเครื่องละ 1.2 ล้านบาท ก็จะมีราคาตั้งแต่ 300,000 บาท ถึง 1.2 ล้านบาท ตรวจสอบไปทีละขั้น ขณะนี้ตรวจสอบว่าใช้งานได้หรือไม่ก่อนและจะไปไล่ดูว่าการขอจัดซื้อจัดจ้าง แต่ละช่วงเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาทำถูกต้องตามระเบียบมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่"นายกฯระบุ


เมื่อถามว่าจะต้องมีคนรับผิดชอบกับงบประมาณที่เสียไปจากการจัดซื้อ อุปกรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ยังสรุปไม่ได้ ขอให้พิสูจน์ทดสอบก่อน เมื่อถามว่าล่าสุดนักวิชาการบางรายระบุว่าเป็นเรื่องของพลังจิตที่ต้องใช้ กับจีที 200 ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ผมถึงบอกว่าการทดสอบที่ดีที่สุดคือการเทียบสถานการณ์ที่ใช้ไม่ใช้อุปกรณ์ นี้ ผมก็ไม่ทราบว่าจิตไม่จิตนี่มันวิทยาศาสตร์หรือไม่"

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงมาตราการสำคัญที่สุดว่า ต่อไปนี้ถ้าจะมีการซื้ออุปกรณ์ใดๆก็ตามควรจะต้องเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการ พิสูจน์แล้ว เมื่อถามว่ากองทัพเองจะยอมรับหรือจะดึงดันเพราะหากยอมรับเท่ากับการจัดซื้อ ผิด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ผมคิดว่าอย่าเพิ่งไปพูดว่าจัดซื้อหรือไม่ผิด ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน บางทีมารู้ทีหลังก็ไปตัดสินย้อนกลับไป ก็ต้องนึกถึงว่าในสถานการณ์นั้นเขารู้อะไรบ้างแค่ไหนอย่างไร"

ที่พรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงกัลยา กล่าวว่ากระทรวงฯจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด มีตนเป็นประธานฯ จะเชิญคณะกรรมการที่มาจาก 2 กลุ่มคือ 1.นักวิทยาศาสตร์และวิศวกร และ 2.ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องทั้งทหาร ตำรวจ ปปส. โดยผู้ที่เกี่ยวข้องนี้จะไปทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน ซึ่งก่อนที่จะออกไปทดสอบประสิทธิภาพจะต้องมีการร่างกระบวนการที่จะทดสอบว่า มีขั้นตอนอย่างไร โดยจะเชิญนักสถิติจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการเสื่อสาร(ไอซีที) เข้ามาร่วมด้วย คาดว่าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ คงทราบว่า ขั้นตอนการตรวจสอบภาคสนามที่ทุกคนเห็นชอบจะเป็นอย่างไร และได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า

นักวิชาการรุมชี้จีที200 ใช้ไม่ได้


วันเดียวกันที่อาคารมหามกุฎ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนา "หลักการทางวิทยาศาสตร์ของเครื่องตรวจวัดวัตถุระเบิดและสารเสพติด" โดยนายถิรพัฒน์ วิลัยทอง จากศูนย์ความเป็นเลิศทางฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าเครื่องจีที 200 ไม่สามารถพิสูจน์ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้ ก็ไม่น่าจะใช่เครื่องมือที่ใช้การได้ หลักการที่ตรวจทางฟิสิกส์ มี 3 อย่าง คือ ตรวจด้วย นิวตรอนหรือกัมมันตภาพรังสี ด้วยโฟรตรอนหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและตรวจด้วยเทคนิคเอ็กซเรย์เหมือนกรณีซี ที-เอ็กซ์ แต่จีที 200 ไม่มีหลักการทั้ง 3 ประการเลย ถ้าใช้งานได้จริง คนผลิตสมควรได้รับรางวัลโนเบล


นายกว้าน สีตะธนี รองผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า ถ้ามองน้ำหนัก ขนาด ของจีที 200 แล้ววัดในระยะ 700 เมตร เป็นเรื่องควบคุมได้ยาก ยิ่งใช้ไฟฟ้าสถิตจากคนยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย อยากให้ผู้ผลิตออกมาเปิดเผยเพื่อตรวจสอบ ซึ่งภายใน 1-2 วัน น่าจะมีความชัดเจนเกิดขึ้น หลังจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯเป็นเจ้าภาพตรวจสอบ


ไทยถูกต้ม-ระวัง "BEDD1" มาอีก


ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ขณะนี้น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าเครื่องจีที 200 เป็นเครื่องมือลวงโลกที่บริษัทต่างชาตินำมาขายให้ประเทศไทยและมีอีก 20 กว่าประเทศที่ต้องถูกหลอกด้วย เนื่องจากตัวเครื่องจีที 200 ไม่มีอะไรเลย แม้ที่ผ่านมาจะมีการพิสูจน์ภาคสนามโดยกองทัพที่ จ.ราชบุรี แต่น่าจะเป็นการเตี๊ยมกันมากกว่า เพราะปกติเวลาตรวจวัตถุระเบิดหรือสารเสพติด ทั้งทหารและตำรวจมีสายรายงานอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีตำรวจและทหารทำงานในภาคใต้ โทรศัพท์มาขอบคุณที่ออกมาเปิดเผยความจริงถึงความไม่มีประสิทธิภาพของเครื่อง ดังกล่าว


"เร็วๆ นี้ จะมีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติดชนิดใหม่ ถูกนำเข้ามาอีกคือ BEDD1 ผลิตโดย Unival Group ประเทศเยอรมนี ขอให้นายอภิสิทธิ์ตรวจสอบให้ดี จะได้ไม่ถูกหลอกเหมือนเครื่องจีที 200 ส่วนการที่คณะรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบโดยให้กระทรวงวิทยา ศาสตร์ฯเป็นเจ้าภาพ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะความจริงจะได้กระจ่าง" ผศ.ดร.เจษฎากล่าว


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1265112278&grpid=04&catid=04

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น